อัตราค่าบริการ

โปรแกรม LT 18

เดินทาง

5 คน

เดินทาง

6 - 9 คน

เดินทาง

10 - 14 คน

เดินทาง

15 - 19 คน

เดินทาง

20 คนขึ้นไป

พักเดี่ยว

เพิ่ม

มิถุนายน 65

กรกฎาคม 65

12,188

10,488

10,288

9,988

9,888

2,500

ราคาเด็กตั้งแต่ 10 ขวบ           มีเตียงเสริม พักกับผู้ใหญ่

9,900

9,100

8,900

8,600

8,500

-

ราคาเด็กไม่เกิน 8 ขวบ         ไม่มีเตียงเสริม พักกับผู้ใหญ่

8,900

8,100

7,900

7,600

7500

-

ราคานี้สำหรับจำนวนคนท่องเที่ยวที่เดินทางตั้งแต่ 5 ท่านขึ้นไป และเป็นราคาสำหรับคนไทยเท่านั้น 

หากจำนวนผู้เดินทางไม่ถึงตามจำนวนดังกล่าว ทางบริษัทขอปรับราคา แต่จะแจ้งให้ลูกค้าทราบก่อน

**เก็บทิปให้ไกด์ท้องถิ่น และคนขับรถ 499.-โอนรวมกับค่าทัวร์โปรแกรม**

วันแรก   

อุดรธานี -  หนองคาย – นครหลวงเวียงจันทน์ – ธาตุหลวง – หอพระแก้ว – ศูนย์หัตถกรรม – ตลาดมืดหลวงพระบาง

06.30 น.

พร้อมกัน ณ สนามบินกรุงเทพฯ อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ เคาน์เตอร์สายการบิน  NOK AIR  

 ขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนสายการบินเป็นสายการบินไทยไลออนแอร์ หรือสายการบินแอร์เอเชีย ในกรณีที่มีการยกเลิก เที่ยวบิน, การเปลี่ยนแปลงเวลาเดินทางของเที่ยวบิน หรือจำนวนที่นั่งไม่เพียงพอ

07.50 น.

นำท่านเดินทางสู่ สนามบินอุดรธานี โดยสายการบิน NOK AIR เที่ยวบินที่ DD 300

08.50 น.

เจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับคณะที่ สนามบินอุดรธานี

09.30 น.

เดินทางไป สะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว โดย รถตู้ VIP  หลังจากที่ท่านผ่านพิธี ตม.ไทยแล้ว รถตู้ที่จะนำท่านข้ามสะพานฯ จะรอรับท่านที่หลังด่าน ตม.ไทย เพื่อข้ามไปส่งยังฝั่งประเทศลาว และหลังจากท่านผ่าน ตม.ลาวแล้ว      รถตู้ VIP พร้อมนำท่านเดินทางเข้านครหลวงเวียงจันทน์ ซึ่งจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที

เที่ยง

รับประทานอาหารเที่ยง ณ ร้าน 23 RNB Restaurant ( 1 )

บ่าย

จากนั้นนำทุกท่านมาชม ประตูชัย อนุสาวรีย์ประตูชัย (Victory Monument) สถาปัตยกรรม ผสมผสานลาว ล้านช้าง กับฝรั่งเศส ตั้งตระหง่านสูงเด่นอยู่ ใจกลางนครหลวงเวียงจันทน์ เพื่อรำลึกถึงวีรชนของชาติ ที่ เสียสละ เพื่อชาติบ้านเมืองมา  ทุกยุค ทุกสมัย ชั้นบนสุดท่านสามารถชมทิวทัศน์ของเวียงจันทน์ได้รอบทิศทาง (ในการขึ้นชมกรุณาเช็คกับไกด์ของท่านอีกครั้ง)นำท่านบูชา พระธาตุหลวง หรือพระเจดีย์โลกจุฬามณี เป็นปูชนียสถานที่สำคัญยิ่งแห่งหนึ่งในนครหลวงเวียงจันทน์ สร้างใน สมัยเดียวกันกับการสร้างเมืองเวียงจันทน์ โดยพระเจ้าจันทบุรีประสิทธิศักดิ์ และพระอรหันต์ 5  องค์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุส่วนหัวเหน่าของพระพุทธเจ้าไว้ในองค์พระธาตุ เดิมเป็นพระธาตุองค์เล็กๆ ต่อมาในสมัยของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชได้นำพาประชาชน สร้างพระธาตุองค์ใหญ่ครอบพระธาตุองค์เดิมไว้จนถึงปัจจุบันนี้ นำท่านเข้าชม พิพิธภัณฑ์หอพระแก้ว (Hor Phra Kaew Museum) ซึ่งครั้งหนึ่ง เคยเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต ก่อนที่จะถูก อันเชิญมาไว้ที่กรุงธนบุรีศรีมหาสมุทรโดยเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก (ร. 1) เมื่อปี ค.ศ. 1778 จากนั้นนำท่านเข้าชม ศูนย์หัตถกรรมเครื่องเงินและสิ่งทอ เลือกซื้อสินค้าราคาถูกโดยฝีมือคนลาว อาทิ ผ้าไหม เครื่องเงิน และของที่ระลึกอื่น ๆ นำทุกท่านขึ้นเดินทางไปยัง สถานีรถไฟความเร็วสูงหลวงเวียงจันทน์ Speed Train EMU C84 - VTE - LBP ) เพื่อเดินทางไปยังหลวงพระบาง โดยจะใช้เวลา 2 ชั่วโมงในการเดินทาง ท่านจะได้รับประสบการณ์ใหเพื่อเดินทางไปยังหลวงพระบาง โดยจะใช้เวลา 2 ชั่วโมงในการเดินทาง ท่านจะได้รับประสบการณ์ใหม่ ได้ดูวิวทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามจาก 2 ข้างทางที่ต้องผ่านอุโมงค์ที่เจาะทะลุเขาถึง 33 อุโมงค์ด้วยกัน และต้องข้ามสะพานที่สร้างผ่านหุบเหวต่างๆอีกหลายแห่งด้วยกัน ซึ่งก่อนหน้านี้มิติการมองแบบนี้ไม่เคยมีมาก่อน เมื่อเดินทางถึง สถานีรถไฟความเร็วสูงหลวงพระบาง นำท่านเข้าโรงแรมที่พัก หลังจากนั้นนำท่านไปรับประทานอาหารเย็น ซึ่งเป็นร้านที่มีชื่อเสียง และหรูหรามากที่สุดในหลวงพระบาง ต่อจากนั้นให้ทุกท่านได้พักผ่อนตามอัธยาศัยเดินเที่ยวอิสระที่ ตลาดมืด คือ ตลาดกลางคืนที่เกิดขึ้นในหลวงพระบางระหว่างเวลา 16:00 น. เป็นต้นไป จนกระทั่งถึง 23:00 น. ซึ่งรัฐบาลจัดให้ช่วงเวลาดังกล่าวของถนนสายนี้เป็นเวลาของถนนคนเดิน รถทุกชนิดจะไม่สามารถเข้าออกหรือแล่นผ่านได้  โดยจะเริ่มตั้งแผงร้านค้าที่มีร่มสีน้ำเงินและสีแดงสลับกันไปนับร้อย ที่ต้องเป็นสีนี้เพราะเป็นสีประจำธงชาติของลาวนั่นเอง โดยเริ่มตั้งแต่หน้าพระราชวังจนสุดถนน ให้ท่านได้เลือกชมเลือกซื้อสินค้าในบรรยากาศแบบหลวงพระบางยามราตรี มีทั้งเสื้อยืดสกรีนเป็นภาษาลาว, ผ้าคลุมไหล่, กระเป๋าถือ, เครื่องประดับ, โลหะเกะสลัก, ภาพเขียน ฯลฯ จุดเด่นคือ สินค้าแทบทุกชิ้นเป็นสินค้าแฮนด์เมดของชาวบ้านแท้ๆ วางจำหน่ายในราคาที่ต่อรองกันได้ อีกทั้งยังมีเบเกอรี่ ต่าง ๆ เพื่อให้ท่านได้ลิ้มลอง และขนมเค้กอันแสนอร่อยนานาชนิด

เย็น

รับประทานอาหารเย็น ณ L'Elephant Restaurant ( 2 )

ที่พัก

Villa Santi Hotel ​Luang​ ​Prabang ( เป็นวังเก่าของเจ้านายหลวงพระบาง ) พักผ่อนตามอัธยาศัย

วันที่สอง       

ใส่บาตรข้าวเหนียว – วัดเชียงทอง – หอพระบาง – วัดแสนสุขาราม – ล่องแพน้ำอู – นอนหนองเขียว เมืองงอย

เช้ามืด

วันนี้เชิญชวนให้ทุกท่านนุ่งซิ่นห่มสไบแต่งกายชุดพื้นเมือง เพื่อ ใส่บาตรข้าวเหนียว พร้อมกับประชาชนชาวหลวพระบาง ซึ่งพระสงฆ์และสามเณรจากวัดต่างๆ ทั่วเมืองหลวงพระบางจะออกบิณฑบาตเป็นแถวนับร้อยรูป ซึ่งเป็นภาพอันน่าประทับใจและสื่อถึงความศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาของชาวเมืองหลวงพระบาง โดยเราจะจัดให้ท่านได้ใส่บาตรข้าวเหนียวที่หน้า วัดแสนสุขาราม เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นภายหลังหลวงพระบางแยกออกจากนครเวียงจันทน์ได้ 11 ปี (ประมาณปี 2261) จุดเด่นที่น่าสนใจคือ พระยืนองค์ใหญ่องค์เดียวในหลวงพระบาง และพระอุโบสถทาสีแดง โดยเขียนภาพสีทองลวดลายวิจิตรลงบนพื้นสีแดง รวมทั้งด้านในมีการตกแต่งประดับประดาอย่างงดงามด้วยฝีมือช่างหลวงพระบางเอง จากนั้นให้ท่านเดินชม ตลาดเช้าหลวงพระบาง ซึ่งเป็น ตลาดสดให้ท่านเลือกซื้ออาหารพื้นเมือง ผลไม้นานาชนิด และชมของป่าซึ่งของป่าบางชนิดก็แปลกตาและเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวมาก

รับประทานอาหารเช้า ณ Bamboo Tree Restaurant ( 3 )

หลังจากนั้นนำท่านเดินทางไปยัง วัดเชียงทอง เป็นวัดหลวงคู่บ้านคู่เมืองหลวงพระบาง สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชก่อนที่จะย้ายเมืองหลวงไปเวียงจันทน์ และยังได้รับการอุปถัมภ์จากเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ และเจ้าชีวิตศรีสว่างวงศ์วัฒนา กษัตริย์สองพระองค์สุดท้ายของลาว บริเวณที่ตั้งของวัดอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของตัวเมืองหลวงพระบาง ใกล้บริเวณที่แม่น้ำคานไหลมาบรรจบกันกับแม่น้ำโขง มีพระอุโบสถ หรือภาษาลาวเรียกว่า “สิม” เป็นหลังไม่ใหญ่โตนัก หลังคาพระอุโบสถแอ่นโค้งและลาดต่ำลงมาก ซ้อนกันอยู่ 3 ชั้น เป็นศิลปะแบบหลวงพระบาง ส่วนกลางมี ช่อฟ้า ประกอบด้วย 17 ช่อ ซึ่งเป็นที่สังเกตุกันว่า เป็นวัดที่พระมหากษัตริย์สร้างขึ้นจึงมี 17 ขั้น ส่วนสามัญจะสร้างกันแค่ 1-7 ช่อ เชื่อกันว่าจะเก็บของมีค่าไว้ในนั้นด้วย ส่วนหน้าบัน หรือภาษาลาวว่า “โหง่” เป็นรูปเศียรนาค ความงามของวัดอยู่ที่ความสงบสง่าสะอาดมีการวางผังออกแบบและบำรุงรักษาอย่างดีเยี่ยม จากนั้นนำทุกท่านเข้าสู่ พระราชวังหลวงพระบาง เป็นวังที่ เจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ ทรงประทับอยู่ที่นี่จนสิ้นพระชนม์ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อปี พ.ศ. 2518 พระราชวังก็ได้ถูกเปลี่ยนเป็น พิพิธภัณฑ์ ประกอบด้วย หอฟังธรรม ห้องรับแขกของเจ้ามหาชีวิตและพระมเหสี ห้องท้องพระโรง ทางด้านหลังก็เป็นพระตำหนักซึ่งมีเครื่องใช้ไม้สอยต่างๆ จัดเก็บไว้เป็นระเบียบเรียบง่าย และนำท่านนมัสการหอพระบาง ซึ่งเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของหลวงพระบาง เป็นพระพุทธรูปประทับยืน ปรางค์ห้ามสมุทร เป็นพระพุทธรูปศิลปะขอมสมัยหลังบายน น้ำหนัก 54 กก. ประกอบด้วยทองคำ 90% และยังมีพระพุทธรูปนาคปรกสลักศิลาศิลปะขอมอีก 4 องค์ประดิษฐานอยู่ที่นี่ด้วย

เที่ยง

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้าน Bio Bamboo ปากอู ( 4 )

บ่าย

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ บ้านหนองเขียว ให้ท่านได้แวะถ่ายรูประหว่างทางตามลำน้ำอู (ใช้เวลาเดินทาง 3 ชม.)    นำท่านถ่ายรูปที่ สะพานหนองเขียว ซึ่งเป็นจุดเช็คอินที่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาถึงที่นี่ ต้องถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก เพราะเป็นจุดถ่ายรูปที่สวยมากๆเห็นทั้งน้ำอูและผาตั้ง จากนั้นนำท่าน ล่องแพลำน้ำอู ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. ชมทัศนียภาพที่สวยงามของธรรมชาติที่เหนือคำบรรยาย

เย็น

รับประทานอาหารเย็น ล่องเรือดินเนอร์ ( 5 )

ที่พัก

Resort Maison De Nong Khiaw หรือเทียบเท่า พักผ่อนตามอัธยาศัย

วันที่สาม      

ผาชมนาง – สถานีรถไฟความเร็วสูงหลวงพระบาง – นครหลวงเวียงจันทน์ – Vientiane Center – Parkson Laos

เช้ามืด

พาทุกท่านปีนเขาเพื่อพิชิต ผาชมนาง อุทยานแห่งชาติหนองเขียว ใช้เวลาเดิน 40 นาที ท่านจะได้ตื่นตาตื่นใจกับ

ทัศนียภาพที่เกินคำบรรยาย ของเมืองงอยหนองเขียว ถ้าโชคดี ท่านยังจะได้สัมผัสทะเลหมอกอีกด้วย

มีบริการ ชา กาแฟ และอาหารว่าง ( 6 ) รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม ( 7 )

ได้เวลาสมควรนำทุกท่านเดินทางโดย รถตู้ VIP เพื่อกลับสู่หลวงพระบาง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง ระหว่างทางท่านจะได้ชมทัศนียภาพของป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ของเมืองลาวภาคเหนือที่ยังอนุรักษ์ไว้ได้เป็นอย่างดี ในสมัยก่อนการจะมาเมืองงอยหนองเขียวนั้นจะต้องนั่งเเรือจากปากน้ำอูล่องขึ้นมาเท่านั้น ในปัจจุบันมีถนนตัดผ่านทำให้นักท่องเที่ยวมีโอกาส เข้ามาสัมผัสได้ง่ายขึ้นมาก

เที่ยง

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหารผามไซ ( 8 )

จากนั้นนำทุกท่านขึ้นเดินทางไปยัง สถานีรถไฟความเร็วสูงหลวงพระบาง Speed Train EMU ⏱C81 – LPB -VTE  เพื่อเดินทางกลับเข้านครหลวงเวียงจันทร์ โดยจะใช้เวลา 2 ชั่วโมงในการเดินทาง ท่านจะได้รับประสบการณ์ใหม่ ได้ดูวิวทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามจาก 2 ข้างทางที่ต้องผ่านอุโมงค์ที่เจาะทะลุเขาถึง 33 อุโมงค์ด้วยกัน และต้องข้ามสะพานที่สร้างผ่านหุบเหวต่างๆ อีกหลายแห่งด้วยกัน ซึ่งก่อนหน้านี้มิติการมองแบบนี้ไม่เคยมีมาก่อน เมื่อเดินทางถึง สถานีรถไฟความเร็วสูงนครหลวงเวียงจันทน์

จากนั้นนำทุกท่านเดินทางด้วย รถตู้ VIP พร้อมนำทุกท่านส่งที่ด่าน ตม.ลาว และพาแวะ ร้านดิวตี้ฟรี (กรุณาตรวจสอบการเปิด-ปิดกับไกด์ของท่าน) อิสระช้อปปิ้ง สินค้าปลอดภาษีราคาถูก และเมื่อผ่านพิธี ตม. ลาวแล้ว     รถตู้ VIP จะพาท่านส่งที่หน้าด่านหนองคาย ถึงประเทศไทย  นำคณะเดินทางสู่ สนามบินอุดรธานี เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ 

19.00 น. เดินทางสู่ กรุงเทพฯ โดยสายการบิน Nokair  DD 309

ขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนสายการบินเป็นสายการบินไทยไลออนแอร์ หรือสายการบินแอร์เอเชีย ในกรณีที่มีการยกเลิกเที่ยวบิน,การเปลี่ยนแปลงเวลาเดินทางของเที่ยวบิน หรือจำนวนที่นั่งไม่เพียงพอ

20.00 น.

เดินทางถึง สนามบินกรุงเทพฯ ส่งทุกท่านกลับพร้อมความประทับใจ